นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ วิเคราะห์ข้อมูลผลสำรวจยอดขายรายไตรมาส กลุ่มธุรกิจที่มีอนาคตสดใสเป็นดาวรุ่ง กลุ่มธุรกิจที่กลับมาฟื้นตัว และกลุ่มธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวัง ปี 66 พบว่า กลุ่มธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ธุรกิจที่พักคนงาน เนื่องจากแรงงานต่างชาติยังไม่กลับมา ธุรกิจหอพักนักศึกษา จากการปรับรูปแบบเป็นเรียนออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จากการระมัดระวังการใช้จ่าย ธุรกิจฟิตเนสในร่ม ที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมผู้บริโภคหลังโควิด-19 เน้นการออกกำลังกายในบ้านหรือกลางแจ้งมากขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจดาวรุ่งในปี 66 ได้รับอานิสงส์จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปได้แก่ ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ ร้านค้าโชห่วย ธุรกิจจัดงานแข่งขันหรืออีเวนต์กีฬา เช่น งานวิ่ง งานแข่งจักรยาน มวย ซึ่งธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ ยังเติบโตต่อ เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ประชาชนคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มต่างๆ ที่เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย สะดวกชำระเงิน และเว้นระยะห่าง ที่ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง คาดว่า สร้างรายได้ให้กับเอสเอ็มอีกลุ่มนี้ ถึง 20,461 ล้านบาท
ขณะที่ร้านโชห่วย โดยเฉพาะการจำหน่ายอาหารสดและยาสูบ ที่กำลังซื้อในธุรกิจนี้กลับมาเติบโตในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว จากการที่ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าที่สามารถต่อรองราคา คาดว่า ทำรายได้ให้กับเอสเอ็มอีถึง 1.25 ล้านล้านบาท ส่วนธุรกิจจัดงานแข่งขันหรืออีเวนต์กีฬา เช่น งานวิ่ง งานแข่งจักรยาน มวย ที่เติบโตอย่างมากภายหลังประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้ SME กลุ่มนี้ 1,504 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ด้านกลุ่มธุรกิจกลับมาฟื้นตัว ได้แก่บ้านพักขนาดเล็ก หรือเกสต์เฮาส์ บ้านตากอากาศ หรือบังกะโล ร้านขายของที่ระลึก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแนววัฒนธรรมชนบท ธุรกิจด้านบันเทิง ได้แก่ ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บาร์และดิสโก้เทค ธุรกิจด้านจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์และเกมส์ ธุรกิจบริการจัดเลี้ยงและให้เช่าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจขายของมือสองและซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจโหราศาสตร์และความเชื่อหรือธุรกิจสายมู ที่เติบโตต่อเนื่อง
ส่วนการจัดตั้งและยกเลิกกิจการในรอบ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) เปรียบเทียบกับปี 64 พบว่า การจดทะเบียนจัดตั้งกิจกาใหม่จำนวน 66,707 ราย ขยายตัว 4.9% กิจการที่จัดตั้งใหม่สูงสุด ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคาร ร้านอาหาร ขณะที่การยกเลิกกิจการ มีจำนวน 13,412 ราย เพิ่มขึ้น 25.1% กิจการที่ยกเลิกสูงสุด ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคาร ร้านอาหาร
“ได้ประเมินสถานการณ์ของ สสว. พบว่า ภาวะเศรษฐกิจของเอสเอ็มอี ปี 65 ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น เห็นได้ จากการขยายตัวของยอดการผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น รถยนต์นั่ง พาหนะเพื่อการพาณิชย์ ซีเมนต์ผสม คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 65 เศรษฐกิจของเอสเอ็มอี จะขยายตัว 4.9% เป็นไปในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ ที่คาดว่า จะอยู่ที่ 3.2% ผลจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ราคาพืชผลการเกษตร การส่งออก ต้นทุนด้านพลังงาน รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าหลัก ที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง